TRENDING: SME D Bank ได้คะแนนปรับเพิ่ม ผลประเมิน Fair Finance ปี 2566 Read More

TRENDING: CKPower กวาดรายได้ 10,941 ล้านบาท ปี 66 Read More

TRENDING: SME D Bank ผนึกกำลัง ดีพร้อม – บสย. ติดปีกเอสเอ็มอี Read More

TRENDING: รวมพล..คนฮัจย์ Read More

TRENDING: EXIM BANK คว้ารางวัล Leadership Excellence Award Read More

เมษายน 25, 2023

ผู้ว่าธปท ค้านกระตุ้นเศรษฐกิจ

ผู้ว่าธปท ระบุเศรษฐกิจของประเทศกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีเสถียรภาพเข้มแข็งเติบโต 4% เงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับพื้นฐาน จึงมองว่านโยบายทางการเมืองยังไม่มีความจำเป็นจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายเศรษฐพุฒื สุทธิวาสนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ เปิดแถลงวิสัยทัศน์ทางด้านเศรษฐกิจในปี 2566 ที่กำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง (/24 เมษายน 2566) ที่พรรคการเมืองชูนโยบายประชานิยม กระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากประชาชน โดยระบุว่าเศรษฐกิจของไทยขณะนี้กลับเข้าสุ่ช่วงภาวะเศรษฐกิจพื้นตัว มีเสถียรภาพและเช้มแข็ง เห็นได้จากไทยสามารถผ่านพ้นเวลาที่ยากลำบากจากการระบาดของโควิด 19 ที่มีผลกระทบไปทั้งโลก ซึ่งในช่วงดังกล่าวทำใหเศรษฐกิจของไทยติดลบถึง 12.3% (ไตรมาส 2 ของปี 2563 ) มาถึงขณะนี้เศรษฐกิจของไทยน่าจะขยายตัวได้ 3.6%

ปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากไทยเปิดประเทศให้ต่างชาติเดินทางได้สะดวกมากขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยว 28 ล้านคน หรือ 6.6 หมื่นคนต่อวันจากที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเลยในไตรมาสข 2 และ 3 ของปี 2563

ระดับเงินเฟือที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พลังงานสงครามรัสเซีย ยูเครนที่ทำให้เงินเฟ้อของไทยไปแตะระดับเกือบ 8 % ในปีที่แล้ว ก็น่าจะกลับเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อคือ 2.9% รวมทั้งไทยยังมีระดับเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ยังสูงอยู่แม้จะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐก็ตาม รวมไปถึงเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินที่ยังคงมี่ความแข็งแกร่ง

ถึงแม้ไทยจะยังมีปัญหาของหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอัตราสูงถึง 86.9% ในปีนี้แต่ก็เป็นระดับที่ลดลงจาก 90 % ในช่วงก่อนหน้าและยังอยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 2.8% และยังไม่เห็นว่าจะมีอัตราที่เพิ่มขึ้นไปกว่านี้แม้ในสิ้นปีนี้จะสิ้นสุดมาตรการในการช่วยเหลือจากธนาคารแห่งประเทศไทยก็ตาม

นายเศรษฐพุฒิยังเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกมีโอกาสที่จะเติบโตลดลง จากผลกระทบของใช้นโยบายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงของธนาคารกลางสหรัฐ ยุโรปและอีกหลายประเทศ เพื่อต้องการสกัดปัญหาเงินเฟ้อ ที่ทำให้ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐต้องปิดกิจการลง โดยเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการลุกลามหรือมีผลกระทบกับเศรษฐกิจและสถาบันการเงินของไทย “ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยคณะกรรมการนโยบายการเงินยังให้ความสำคัญและจับตามองเป็นพิเศษกับผลกระทบที่เกิดขึ้นในสหรัฐและยุโรป โดยในการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยมาตรฐานของไทย ยังคงให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเป็นหลัก เห็นได้จากการขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป”

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยยังย้ำว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวมีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องและฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือประชานิยมตามที่พรรคการเมืองหาเสียงกันในขณะนี้