ก้าวไปข้างหน้าปี 2567 ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าหรือ Exim Bank ภายใต้ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร จับเอากระแสโลกสีเขียว หรือ Green เป็นหลักในการพัฒนาและปล่อยสินเชื่อของธนาคาร
กระแสโลกสีเขียว เป็นเรื่องที่ปฎิเสธไม่ได้ เพราะโลกก้าวเข้าสู่ภาวะโลกร้อน ความไม่มีเสถียรของสภาพภูมิอากาศ การตั้งกำแพง กีดกันทางการค้า โดยข้อกำหนดว่า สินค้าที่จะส่งไปขายต้องจากมาพลังงานทดแทน ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อโลก ต่อประชากร ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ยิ่งสินค้าที่ผลิตเพื่อส่งออก จะต้องสอบทานที่มาของการผลิตสินค้านั้น ๆ ได้
ปัจจุบันสินเชื่อที่เกี่ยวกับ Green Portfolio และที่เกี่ยวเนื่อง อยู่ที่ 37 เปอร์เซ็นต์หรือ 60,298 ล้านบาทเพิ่มขึ้นถึง 37.36 เปอร์เซ็นต์เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี 14,122 ล้านบาทคิดเป็น 23.42 เปอร์เซนต์ และจะเพิ่มเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ในปี 2571 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า
สิ้นไตรมาส 3 ปี 2566 ปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 148,429 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7.53 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนการสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งสินเชื่อและประกันของเอ๊กซิมแบงก์ สิ้นเดือนกันยายน มีลูกค้า 6,138 รายเพิ่มขึ้น 6.05 เปอร์เซ็นต์ ในจำนวนนี้มีลูกค้าเอสเอ็มอีมากกว่า 83 เปอร์เซ็นต์
ที่ผ่านมา Exim Bank ได้ออกพันธบัตรกรีนบอนด์กว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อส่งต่อเงินดังกล่าวให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการสินเชื่อประเภทนี้ไปแล้วค่อนข้างมาก ปี 64-65 ปล่อยสินเชื่อเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมมอนซูน ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในอาเซียนในสปป. ลาว
และในปีหน้าจะเพิ่มประเภทของพันธบัตร เป็นบูลบอน์ด ดอกเบี้ยสินเชื่อต่ำ 6 เปอร์เซ็นต์กว่า ๆ สำหรับอุตสาหกรรมที่ไม่ปล่อยของเสียลงในมหาสมุทร อาหารแปรรูป และน้ำเสียลงทะเล ซึ่งจะออกขายให้ทั้งให้เกิดสินเชื่อฮาลาล ที่มีโอกาสสูงมากในขณะนี้ รวมปี 2566 Exim Bank ปล่อยสินเชื่อกรีนไปแล้ว 50,000 ล้านบาท
ดร.รักษ์ ยอมรับว่าหนักใจกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะจะต้องสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการส่งออก ที่ต้องไม่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนหรือ Net Zero ร้อยละ 50 ของลูกค้าเอสเอ็มอีปรับตัวไม่ได้เลย
ขณะเดียวกันการแข่งขันทางการเงินอัตราดอกเบี้ยต่ำ ผู้ประกอบการขนาดใหญ่หลายแห่งหันไปออกหุ้นกู้แทนการกู้เงินจากสถาบันการเงิน และที่ผ่านมาตลาดหุ้นกู้ประสบปัญหาขาดความน่าเชื่อถือ Exim Bank จึงใช้ช่องว่างในการหารายได้ด้วยการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นวงเงินหมื่นล้านบาท ให้อัตราดอกเบี้ย 2.5 เปอร์เซ็นต์ จำนวนรายถือว่าไม่มาก แต่ได้กำไรและมีความมั่นคง
ดร.รักษ์บอกว่าตลอดปีนี้ Exim Bank ยังเดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจเชิงรุก แม้ภาวะเศรษฐกิจและการส่งออกยังไม่กลับมาฟื้นตัว คาดว่าทั้งปีจะมียอดสินเชื่อคงค้างที่ 175,000 ล้านบาท และยังจะสานพลังหน่วยงานพันธมิตรรวมถึงลูกค้าผู้ประกอบการ เดินหน้าพัฒนาประเทศสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยไม่ทิ้งเอสเอ็มอี ไทยไว้ข้างหลัง