TRENDING: สทนช.-บพท.จับมือกันปั้นหลักสูตรนักบริหารจัดการน้ำ Read More

TRENDING: CKPower เดินหน้าส่งไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Read More

TRENDING: กทม. เตือนค่าฝุ่นกลับมาสูงอีกครั้ง 30 ม.ค. – 5 ก.พ. นี้ ย้ำงดเผา และ ร่วมจับตารถควันดำ Read More

TRENDING: เมืองไทยประกันชีวิต ชูกลยุทธ์ Read More

มกราคม 29, 2025

เมืองไทยประกันชีวิต ชูกลยุทธ์

 “Boost Your Happiness by Our People”

ตั้งเป้าบานเย็นสะพรั่งทั่วประเทศ

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวกลยุทธ์ปี 2568  “Boost Your Happiness by Our People”                บูสท์ความสุขของคุณด้วยคนของเรา ผ่านความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงชีวิต และประสบการณ์การบริการแบบไร้รอยต่อ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนารอบด้านอย่างมั่นคง ยั่งยืน โดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)           หรือ MTL เปิดเผยว่า “ในปี 2567 เมืองไทยประกันชีวิตได้เดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้ม                  มุ่งตอบโจทย์ทุกความเป็นคุณ ในทุกช่วงของชีวิตอย่างไม่หยุดยั้ง  พวกเราขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นและไว้วางใจจาก “ลูกค้าคนสำคัญ” ที่ทำให้ในปีที่ผ่านมาเมืองไทยประกันชีวิตมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง     โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 71,800  ล้านบาท  เบี้ยประกันภัยรับใหม่เติบโต 13%  ซึ่งเป็นการเติบโต  ในกลุ่มสินค้าหลัก อาทิ Shield Life (ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบภายในระยะเวลาและประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์) เติบโต 42% และแบบประกันคุ้มครอง โรคร้ายแรง (รายเดี่ยว) เติบโต 24% เป็นต้น ด้านคะแนน NPS (Net Promoter Score) สูงขึ้นจาก  58 คะแนน เป็น 75 คะแนน  ขณะที่ธุรกิจในภูมิภาค CLMV ยังมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง 

โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน ณ สิ้นปี 2567 มากกว่า 350% ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดที่ 140%  บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และความแข็งแกร่งทางการเงินจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ BBB+ (Stable Outlook)  และ Fitch Ratings ที่ระดับ A- และ AAA(tha) (Stable Outlook)

สำหรับในปี  2568  นี้  เมืองไทยประกันชีวิตยังคงตอกย้ำตัวตนในการเป็นแบรนด์แห่งการสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง  พร้อมยกระดับการส่งมอบความสุขผ่านกลยุทธ์ “Boost Your Happiness by Our People” บูสท์ความสุขของคุณด้วยคนของเมืองไทยประกันชีวิต  ด้วยการเดินหน้าพัฒนาองค์กรในทุกภาคส่วน  โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทุกท่านด้วยความเป็นมืออาชีพ (Professionalism & Expertise)  ความโปร่งใสและความสะดวกสบาย (Transparency & Convenience)  และความไว้วางใจ (Commitment & Trust)  ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงชีวิต ประสบการณ์การบริการแบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience) และคำมั่นสัญญาตลอดชีวิต (Lifelong Commitment) ผสานกันอย่างลงตัวเพื่อตอบโจทย์ในทุกความเป็นคุณ  

ทั้งนี้ บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาองค์กรทุกภาคส่วน ด้วยการพัฒนาพนักงาน และฝ่ายขายให้มีความสามารถรอบด้าน เพิ่มทักษะการใช้ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ผสมผสานอยู่ในทุกกระบวนการทำงาน (Data & AI Literacy) ทักษะด้านการสื่อสารและการบริหาร (Soft Skills) ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Expert Knowledge) และความเชี่ยวชาญในหลายมิติ (Cross-Domain Expert Knowledge)  ควบคู่ไปกับสร้างความสุขจากภายในองค์กร ให้กับ “คนของเรา” ที่มีความหลากหลายให้ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือ “การส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าคนสำคัญ”

โดยคนของเรา…พร้อมส่งมอบความสุขให้แก่ลูกค้าผ่านการวางแผนสำหรับทุกช่วงของชีวิต ทั้งการวางแผนทางการเงิน การวางแผนเกษียณ การวางแผนสุขภาพ และการวางแผนมรดก ด้วยความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันชีวิตแบบบำนาญ ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง ประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิตควบการลงทุน  รวมถึงฟีเจอร์พิเศษทั้งความยืดหยุ่นด้วยรูปแบบความคุ้มครองที่ปรับแต่งได้ (Modular Design)  ความคุ้มครองที่ปรับได้ตามช่วงชีวิตของลูกค้า (Convertible Option) และการเติมเต็มความคุ้มครองที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น (Plus)

คนของเรา…พร้อมส่งต่อประสบการณ์ไร้รอยต่อผ่านบริการในช่องทางต่าง ๆ ตั้งแต่การซื้อประกันภัยที่สามารถเข้าถึงได้ทุกคนได้ทุกที่ทุกเวลา  ทั้งช่องทางตัวแทน ช่องทางธนาคาร ช่องทางการขายผ่านโทรศัพท์ ช่องทางออนไลน์ และพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ  รวมถึงการให้บริการที่ครบวงจรและเข้าถึงได้ง่ายไม่ว่าจะเป็น ช่องทางสาขา Call Center 1766  แอปพลิเคชัน MTL Click   เมืองไทยสไมล์คลับ และ MTL Fit  เป็นต้น นอกจากนี้ลูกค้ายังจะได้รับความสะดวกสบายด้วยการทำธุรกรรมทางกรมธรรม์ และบริการหลังการขายไม่ว่าจะเป็นระบบ e-Payment  หรือ  e-Document เป็นต้น 

นายสาระ กล่าวว่า  ธุรกิจประกันชีวิต เป็นธุรกิจที่ให้ความคุ้มครองแก่ลูกค้าในระยะยาว ดังนั้น เมืองไทยประกันชีวิตจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกก้าว  ภายใต้การกำกับดูแลกิจการ และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติบรรษัทภิบาล (ESG)  โดยเฉพาะในส่วนของมิติสังคม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาแบบประกันภัยที่ช่วยตอบโจทย์การเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคน (Democratize Insurance)  พร้อมสร้างความรู้ด้านการวางแผนการเงินและประกันภัย (Financial & Insurance Literacy) ให้กับประชาชนทั่วไป และการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน 

ด้านมิติสิ่งแวดล้อม เมืองไทยประกันชีวิตในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ได้ร่วมสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านโลกของเรา ประกาศความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ด้วยเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานของบริษัทฯ  (ขอบแขตที่ 1 และ 2)* ภายในปี 2573 (2030) ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานภายในบริษัทฯ 

“ในปีนี้เราตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นปีที่ สีบานเย็นจะบานสะพรั่งทั่วประเทศ โดยเมืองไทยประกันชีวิตจะยกระดับความสุขให้กับทุกคน ทั้งลูกค้า พาร์ทเนอร์ พนักงานและฝ่ายขายของเรา และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางการขายต่าง ๆ   สีบานเย็นจะรวมพลังกันอย่างแข็งแกร่ง เพื่อส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้ลูกค้าคนสำคัญของเราทุกคน” นายสาระ กล่าว 

นายสาระยังกล่าวถึงการประกาศใช้ข้อบังคับโค -เพย์ ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ทั้งระบบในเดือนมีนาคม ว่า ในส่วนของเมืองไทยประกันชีวิตจะเริ่มที่วันที่ 20 มีนาคมแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะใช้สำหรับกรมธรรม์ใหม่เท่านั้น ซึงในหลักการถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะมีลูกค้าจำนวนมากที่ทำประกันแล้วไม่ได้เบิกใช้เลย ก็จะบ่นว่าไม่คุ้มกับการทำประกันสุขภาพ เพราะไม่ได้ใช้บริการ แต่ก็มีลูกค้าจำนวนมากที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ หรือลูกค้าบางรายตามจริงแล้วอาจไม่จำเป็นต้องโพบแพทย์เพื่อขอเบิกประกัน แต่ก็พบแพทย์เพื่อใช้สิทธิ   วิธีการนี้จะทำให้ลูกค้าที่ไม่เคยใช้สิทธิ์ได้รับประโยชน์ และถือว่าเป็นธรรม